บทที่ 4 3

อารยาเกือบคิดว่าตัวเองหูฝาดไป เมื่อสติเริ่มเข้าที่

เข้าทางหญิงสาวจึงถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“ยังจะให้อ้อนไปคุยกับงามอยู่อีกหรือ”

“แน่นอน”

ปราปต์ตอบตรง ๆ ดึงมือออกจากกายสาวแล้วไปนั่งที่โซฟาตัวตรงข้าม นาทีนั้นอารยารู้สึกเศร้าจนอยากจะร้องไห้

“แต่ว่าเราสองคน - ”

“แล้วยังไงวะ ไม่ได้บังคับซะหน่อย”

ปราปต์สวนทั้งที่อารยายังพูดไม่จบ

“...ก่อนจะเอากันก็ถามไปแล้วว่าแน่ใจใช่ไหม ก็บอกไปแล้วว่าเธอแทนฟ้างามไม่ได้ ช่วยไม่ได้นะเธอยอมเอง”

เจ็บยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ คงเป็นครั้งนี้ ปราปต์ไม่แคร์เรื่องที่เพิ่งผ่านมาเมื่อไม่กี่นาทีเลยสักนิด หัวใจเขามีแต่ฟ้างาม อารยาคงเป็นได้แค่ผู้หญิงน่ารำคาญอย่างนั้นสินะ มือเล็กกำหมัดแน่น

เธอทั้งเสียใจ และเจ็บใจตัวเองที่ใจง่าย ต่อให้

ตายอยู่ตรงนี้ปราปต์คงไม่เห็นใจ

“เมื่อกี้เธอก็แรดจะเอา ๆ เองนะ ในเมื่อฉันทำให้เธอฟินแล้วเธอก็ต้องตอบแทนฉันบ้างมันจะเป็นไรไป”

“พอเถอะไม่ต้องพูด”

ไม่อยากจะฟังแล้ว ยิ่งฟังยิ่งเจ็บ กลัวน้ำจะไหลออกมาให้น่าสมเพชเสียเปล่า ๆ แต่ปราปต์ก็ยังไม่หยุด ปากเขาขุดคำพูดร้ายแรงออกมาซ้ำเติมหัวใจดวงนี้ได้ดีเหมือนทุกครั้งเสมอ

“ฉันตามจีบงามมาเป็นสิบปี คิดว่าฉันจะยอมปล่อยงามเพื่อมาเอาเธอ แค่เพราะเธอยอมให้ฉันเปิดซิงหรือ ? หึ ! แรดขนาดนี้จะบอกเลยว่ารักไม่ลงว่ะ”

รักไม่ลง...

ปราปต์ไม่ต้องย้ำก็ได้เพราะเธออยู่เต็มหัวใจ อารยาพยายามกลั้นเสียงสะอื้นและน้ำตาเอาไว้ไม่อยากปล่อยโฮให้คนปากร้ายใจดำได้เห็น

“แล้วจะให้อ้อนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือ”

จะได้รู้กันไปเลยว่าเขาจะเอาอย่างไร เรื่องระหว่างกันมันเกินกว่าจะเป็นเพื่อนกันได้แล้ว

“นั่นมันก็เรื่องของเธอ”

เขายักไหล่ก่อนพิงพนักโซฟาอย่างสบายอารมณ์แล้ว

พูดต่อ

“ผู้หญิงที่ฉันเคยนอนด้วย บางคนเราก็กลายมาเป็นเพื่อนกันบางคนก็ทำเหมือนไม่รู้จักฉัน จะเป็นอย่างไหนก็เลือกเอา แต่ฉันไม่แคร์”

แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อน ๆ ปราปต์ไม่เข้าใจเลยใช่ไหม...เธอกับเขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก และเธอก็รักเขามาตั้งแต่นั้น ซึ่งตอนนี้มันคงไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว

“ไง เอาไงก็ว่ามา”

น้ำตาของอารยาหยดแหมะและเธอรีบเช็ดมันเสียเร็ว ๆ แต่ไม่เร็วกว่าสายตาของปราปต์ สิ่งที่เขาทำเวลาเห็นเธอร้องไห้ก็คือด่า

“อย่ามาบีบน้ำตาเรียกคะแนนความสงสารนะโว้ย”

“ไม่ได้ร้องซะหน่อย ฝุ่นมันเข้าตาต่างหาก”

ตกใจแค่ไหนหญิงสาวก็เชิดหน้าขึ้นแล้วเดินไปเก็บเสื้อผ้าที่ถูกถอดโยนไปคนละทิศละทางขึ้นมาสวมใส่ คนใจร้อนมองว่าเธอกำลังประชดจึงปรี่เข้าไปกระชากร่างเพรียวอย่างแรง

“เห้ย ! อย่ายั่วโมโหนะ” ตะคอกเสียงดัง

“ขอใส่เสื้อผ้าก่อน หนาว”

พูดด้วยเสียงไร้อารมณ์ก่อนจะผลักปราปต์ออกแล้วจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อย ส่วนเขาเดินโทงเทงกลับไปนั่งที่เดิม

“พรุ่งนี้อ้อนมีอบรมแต่เช้าคงไปหางามกับปราปต์ไม่ไหว”

“เห้ย” เขาเริ่มคิดว่าอารยากำลังตุกติก แต่หญิงสาวก็พูดต่อไปว่า

“โทร. หางามสิ”

ไม่รู้ว่าหัวใจของปราปต์ทำด้วยอะไรถึงได้ใจร้ายใจดำ

แบบนี้ เขาทำเหมือนไม่เคยมีความรู้สึกดี ๆ แม้กระทั่งในฐานะเพื่อนให้เธอเลยสักนิด พอ

กันที ! ในเมื่อเขาทำแบบนี้เธอก็ควรจะตัดใจเหมือนกัน

“ยอดเลยครูอ้อน”

ปราปต์ยิ้มกว้างแล้วลุกไปค้นมือถือจากกางเกงที่ถอดทิ้งไว้กับพื้น ต่อสายฟ้างามแล้วส่งให้อารยา เธอมองมันด้วยหัวใจที่

บีบรัดกระทั่งปลายสายกดรับก็ยังนิ่ง ปราปต์เห็นอย่างนั้นเลยยื่นมือถือจ่อหูเธอพร้อมกับดึงมืออารยามาจับมัน กำจัดความลังเลใจเสี้ยวสุดท้ายของเธอให้หมดไป

“งะ...งาม” เปล่งเสียงพูดออกไป

‘ครูอ้อนหรือคะ ?’

ฝ่ายนั้นจำเสียงของเธอได้เพราะที่จริงก็เป็นคนคุ้นเคย เพราะเรียนรุ่นเดียวกันอีกทั้งฟ้างามก็ชอบมาให้อารยาติวหนังสือให้บ่อย ๆ ปราปต์เลยใช้โอกาสนั้นเข้าใกล้เจ้าหล่อน หากทว่านับตั้งแต่กลับจากเมืองนอกก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันเหมือนแต่ก่อน

“จ้ะ...คือว่าวันนี้ครูได้คุยกับปราปต์แล้วเรื่องที่ปราปต์พยายามบอกงามมาตลอดว่าเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน”

‘แล้วยังไงคะ’

“ครูอยากบอกงามว่าเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันน่ะจ้ะ”

‘ค่ะ’

น้ำเสียงที่ฟังดูไม่ได้ตื่นเต้นนั้นทำให้รู้ว่าฝ่ายนั้นไม่ใส่ใจสถานะของปราปต์ ก็มีแต่เขาที่ยังเชื่อว่าหล่อนมีใจให้

“เราสองคนเป็นแค่คนแปลกหน้า ไม่มีอะไรเกี่ยวข้อง

กันจ้ะ”

ปราปต์หูผึ่งเมื่อได้ยิน ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกโมโหขนาดนี้ทั้งที่เพิ่งบอกไปว่าไม่สนใจหากอารยาจะเลือกแบบไหน

ตอนนี้ฟ้างามวางสายไปแล้ว ปราปต์แทบไม่สนใจเนื้อหาในบทสนทนาของทั้งคู่ หัวใจเขาร้อนรนแปลก ๆ กับคำพูดของอดีตเพื่อน ยิ่งเห็นเจ้าหล่อนทำท่าจะเดินออกไปจากบ้านโดยไม่สนใจหันมามองก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจ

“แน่ใจนะว่าทำแบบนี้แล้วจะไม่กลับไปร้องไห้ขี้มูกโป่ง”

อารยาเบือนหน้าเศร้า ๆ กลับมาถาม

“ทำไมอ้อนจะต้องไม่แน่ใจ แล้วปราปต์จะแคร์อะไรล่ะ เรื่องตัวเองก็ไม่ใช่”

“นั่นสินะ”

เขากอดอกเชิดขึ้นอย่างอัตโนมัติ ความรู้สึกอยากเอาชนะผุดพลุ่งในใจ

“มันไม่ใช่เรื่องของฉันนี่นา แล้วอีกอย่างเธอคงจะดีใจซะมากกว่าที่โดนเปิดซิงครั้งแรกก็ฟินถึงสวรรค์เลย ผู้หญิงหลายคนจะต้องอิจฉาเธอแน่นอนอารยา”

อารยาอยากจะร้องไห้ออกมาเสียตรงนี้แต่คิดว่าไม่ดีกว่า

“อ้อนกลับละนะ”

“อย่าลืมไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมากินล่ะ ไม่ใช่ว่าอีกสองเดือนแบกหน้ามาให้ฉันรับผิดชอบลูกในท้องนะ ฉันไม่อยากทำให้ฟ้างามเสียใจ”

น้ำตาที่กลั้นไว้มันกำลังจะไหล เจ็บยิ่งกว่าถูกควักเอาหัวใจออกมาโยนให้กากินเสียอีก อารยาพยายามสูดจมูกเอาไว้แล้วพูดไปว่า

“อ้อนคงไม่แบกท้องมาให้คนแปลกหน้ารับผิดชอบหรอก บอกแล้วว่ามีคนเต็มใจรออ้อนตั้งหลายคน มันต้องมีสักคนนะนั่นแหละที่เขารับได้ ไม่งั้นก็เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวไปเลย เดี๋ยวนี้มีเยอะไป ไม่เห็นจะต้องซี”

อารยาพูดราวกับว่านี่เป็นเรื่องเล็กน้อย และไม่ทันที่ปราปต์จะได้พูดอะไรหญิงสาวก็รีบเดินกึ่งวิ่งออกไปจากบ้านทิ้งให้เขายืนมองด้วยความอึ้งและมีคำพูดมากมายที่ไม่ได้พูดออกไป

แต่คอยดูเถอะ ! ถ้าเอาลูกของเขาไปให้ไอ้บ้าหน้าไหนสวมรอยเขาจะไม่ปล่อยไว้ทั้งเธอแล้วก็มัน

ยากนักที่คนเราจะห้ามน้ำตาได้ อารยาเองก็เป็นแบบนั้น พอเข้ามาในรถได้ทำนบกั้นน้ำตาก็พังทลาย แต่จะโทษใครได้นอกจากตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่าปราปต์ใจร้ายแต่ก็ยอมให้เขาไปหมดทั้งตัวและหัวใจ

แต่เธอพอแล้ว...นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะร้องไห้เพราะผู้ชายที่ชื่อปราปต์ !

เช้านั้นจู่ ๆ อารยาก็ไข้ขึ้น เธอคิดว่าเป็นเพราะกิจกรรมเร่าร้อนที่ทำกับปราปต์บวกกับนอนน้อย เลยต้องให้ประกายแก้วเพื่อนสนิทซึ่งเป็นครูในโรงเรียนเดียวกันไปอบรมแทน แถมยังต้องวุ่นวายแลกคาบเรียนกับครูสิทธิเดชด้วย แต่เพราะความมืออาชีพทุกอย่างเลยผ่านไปได้ด้วยดี

ส่วนอาการป่วยก็เรื้อรังร่วมสองสัปดาห์เป็นที่เวทนาของประกายแก้วเหลือเกิน ฝ่ายนั้นจึงบังคับแกมขู่เข็ญให้เพื่อนไปหาหมอ จนที่ในที่สุดอารยาก็มาอยู่หน้าห้องตรวจโดยมีเพื่อนสนิทคอยนั่งคุมไม่ให้หนี

“อ้อนบอกกายแล้วว่าอ้อนไม่เป็นอะไรกายก็ไม่เชื่อ”

“ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ดีไปกว่าหมอ” ประกายแก้วตอบ

เสียงเข้ม

อารยาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ใช่ว่าไม่รักตัวเองแต่เธอกลัวเข็ม กลัวเลือด และไม่ชอบกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่คลุ้งเต็มโรงพยาบาลต่างหาก ไม่อย่างนั้นเธอคงเลือกเรียนแพทย์แทนที่จะมาเรียนครูไปแล้วทั้งที่สอบได้ลำดับต้น ๆ ของประเทศ

พอเข้าไปในห้องตรวจอารยาก็แทบจะกรี๊ดออกมาเสียให้ได้ ใช่เพราะกลัวแต่เพราะดีใจที่วันนี้หมอที่ตรวจเธอคือนายแพทย์ปวุฒิ คุณหมอสุดหล่อ

ออร่าจับอย่างกับดาราฮอลลีวูดต่างหาก

“เดี๋ยวหมอมานะครับ หมอลืมอุปกรณ์ไว้ที่ ER”

อารยายิ้มตาเยิ้มพลางพยักหน้าให้คุณหมอสุดหล่อที่เธอตามกรี๊ดไม่ต่างจากตามกรี๊ดดาราในโทรทัศน์ เมื่อร่างสูงสมส่วนเดินออกไปแล้วหัวใจก็ยังเต้นแรงไม่หยุด

ทว่ากลับต้องสะดุดเพราะเสียงสะอื้นที่แว่วมาจากส่วนที่

มีม่านหนากั้นเป็นที่พักแพทย์นั่นเองเลยอดไม่ได้ที่จะเปิดดู จึงได้รู้ว่ามีใครนั่งร้องไห้อยู่ในนั้น

“งาม”

ฟ้างามตกใจที่คนไข้ของคุณหมอรายนี้เปิดม่านเข้ามา หญิงสาวรีบก้มหน้าเช็ดน้ำตาแล้วเดินสวนออกไปโดยไม่พูดไม่จา อารยาพยายามจะรั้งไว้เพราะอยากช่วยเหลือ

แต่ไม่ทันเสียแล้วฝ่ายนั้นเดินออกไปจากห้องตรวจสวนทางกับคุณหมอรูปหล่อที่ดูไม่ตกใจเลยสักนิด ส่วนประกายแก้วที่รออยู่หน้าห้องก็หันมาสบตากับเพื่อนอย่างงง ๆ

“มันไม่ชอบมาพากลยังไงไม่รู้”

อารยาพูดขึ้นหลังออกมาจากห้องตรวจเพราะใช่ว่าใครก็ได้จะสามารถเข้าไปในห้องพักหมอได้ อีกอย่างหมอปวุฒิทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เขาสองคนอาจจะกิ๊กกันก็ได้นะ” ประกายแก้วตั้ง

ข้อสันนิษฐาน

“แล้วปราปต์ล่ะ” อารยาท้วงขึ้นมา หัวใจเจ็บจี๊ด ๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ระหว่างกัน

“ฟ้างามมันไม่สนใจโลโซอย่างไอ้ปราปต์หรอกอ้อนก็รู้ มันอยากจะโง่ต่อไปก็ตามใจมัน แต่ตอนนี้อ้อนทิ้งรถไว้นี่ เดี๋ยวไอ้เมธมันจะมารับเราไปกินข้าว”

“มีใครไปบ้าง”

อารยากลัวว่าจะมีปราปต์ไปด้วย เธอไม่อยากเจอหน้าเขาไม่ใช่เฉพาะตอนนี้แต่ตลอดชีวิตได้เลยยิ่งดี

“ก็มีเราสองคน ไอ้เมธแล้วก็ไอ้ปราปต์”

นั่นไงล่ะ ลางสังหรณ์ของอารยาผิดเสียที่ไหน แล้วประกายแก้วก็พูดต่ออีกว่าเมธาต้องการให้ปราปต์กับอารยา

ปรับความเข้าใจกัน อย่างน้อยหากไม่อยากกลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมก็ขออย่าให้เกลียดกันก็พอแต่อารยารู้ดีว่ามีเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากกว่านั้น

ประกายแก้วกับเมธาไม่รู้นี่นาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างเธอกับปราปต์

“อ้อนไม่ไปดีกว่า อ้อนอยากนอนพัก...อีกอย่างยังไม่ได้เตรียมการสอนสำหรับพรุ่งนี้เลย กายไปเถอะไม่ต้องห่วงอ้อน”

ประกายแก้วรู้ดีถ้าเป็นแบบนี้ก็แสดงว่าเพื่อนรักยังไม่พร้อม และคิดว่าเมธาต้องเข้าใจเลยไม่ได้เซ้าซี้และแยกกับอารยาตรงนั้น

“โทษทีว่ะพวกกูมาช้า”

เมธาเป็นคนบอกปราปต์ซึ่งคาดว่าน่าจะมารออยู่ในร้านไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว

“ไอ้กายอะดิ มันดันทำกระเป๋าตังตกไว้ที่โรงพยาบาล ดีนะที่พยาบาลเก็บไว้ให้ หรือมีคนเอาไปแล้วเอามาคืนเพราะมันมีเงินในกระเป๋าไม่ถึงห้าสิบบาทก็ไม่รู้”

“นี่มึงจะแซะกูไปจนถึงชาติหน้าเลยรึไงวะไอ้เมธ”

ปราปต์ส่ายศีรษะและยิ้มอ่อนใจ ต่อหน้าบุคคลที่สามยังทะเลาะกันขนาดนี้คิดภาพไม่ออกเลยว่ามันสองคนนั่งรถมาด้วยกันได้ยังไง แต่ก็น่าแปลกใจว่าประกายแก้วไปทำอะไรที่โรงพยาบาล

“มึงไปโรง’บาลทำไมวะ”

“ไปส่งไอ้อ้อน มันไม่สบายมาหลายวันแล้ว”

หัวใจของปราปต์ชาวาบ คนที่เขาไม่ได้เจอหน้าเลยตั้งแต่วันที่มีอะไรกันกำลังไม่สบาย

“มันเป็นไร” ถามต่อ

“หวัดธรรมดา แต่มันไม่ยอมไปหาหมอกูเลยบังคับมันไป กลัวจะเป็นไข้หวัดใหญ่”

ประเด็นของอารยาตกไปเพราะปราปต์ไม่ได้ถามอะไรต่อ ส่วนเรื่องที่เห็นฟ้างามที่โรงพยาบาลนั้นประกายแก้วไม่ได้พูดเพราะกลัวปราปต์เสียใจ และพูดไปมันคงไม่เชื่อ

ทั้งสามทานอาหารจนอิ่มหมีพีมันและคุยกันเรื่องสัพเพเหระอยู่สักพักจึงแยกย้ายกัน เมธาไปส่งประกายแก้วที่บ้านส่วนปราปต์ก็ขับรถไปเรื่อย ๆ รู้ตัวอีกทีก็มาจอดที่หน้าบ้านอารยาเสียแล้ว

“เป็นบ้าอะไรของมึงวะไอ้ปราปต์”

เขาเกือบจะเลี้ยวรถกลับแล้วหากไม่นึกขึ้นมาได้เสียก่อนว่ารถที่จอดอยู่หน้าบ้านหญิงสาวคือรถของอนิรุจผู้อำนวยการโรงเรียนที่อารยาสอนอยู่ เท่านั้นเองชายหนุ่มก็ถึงกับขบกรามแน่น

ในบรรดาผู้ชายหลายคนที่ต่อคิวรออารยา นายคนนี้คงจะมาวินเลยสินะ ปราปต์คิดในใจ เขาอยากฆ่าอนิรุจให้ตายคามือ !

“หมั่นไส้โว้ย !”

กำปั้นหนักหน่วงทุบพวงมาลัยเต็มแรง ไม่รู้เอาความหงุดหงิดเหล่านี้มาจากไหน ทว่าตั้งแต่คืนนั้นเขาก็รู้สึกโหยหา

หวงแหน และอยากครอบครองอารยาไว้แต่เพียงผู้เดียว

“ขอบคุณ ผอ. มากนะคะที่อุตส่าห์มาเยี่ยมแถมซื้อของมาตั้งเยอะแยะ อ้อนไม่รู้ว่าจะกินหมดตอนไหน”

อารยาเดินออกมาส่งผู้อำนวยการหนุ่มไฟแรงที่หน้าบ้าน เขาเป็นคนน่าเคารพและมีน้ำใจกับครูน้อยใต้บัญชาเสมอโดยเฉพาะกับเธอ...เขาชัดเจนมาตลอดว่ารู้สึกอย่างไร เช่นเดียวกับที่อารยาชัดเจนว่าคิดกับเขาแค่พี่ชาย

“ยังไงโทร. หาผมได้ตลอดเวลานะครับไม่ต้องเกรงใจ”

อารยาพยักหน้าให้เขายิ้ม ๆ ก่อนจะเปิดประตูบ้านให้ แต่แล้วทั้งสองก็ต้องตกใจเมื่อกระโปรงหน้ารถยนต์ของอนิรุจเต็มไปด้วยขยะที่ถูกเทจากถังซึ่งตั้งอยู่หน้าบ้าน ส่วนถังสีเหลืองตอนนี้วางอยู่บนหลังคารถเล่นเอาอนิรุจสบถลั่นเพราะเพิ่งล้างรถมาเมื่อวาน

“ให้ตายเถอะ !”

“ตายจริง ใครนิสัยไม่ดีทำอะไรแบบนี้เนี่ย”

เพราะไม่มีทางที่จะเป็นฝีมือสัตว์ ต้องมีคนจงใจแกล้งแน่นอนเพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นใครเนื่องจากหน้าบ้านและละแวกใกล้เคียงไม่ได้ติดกล้องวงจรปิด อารยาเลยแนะนำให้อนิรุจไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันเอาไว้ก่อนเกรงว่าครั้งต่อไปคนทำอาจจะมุ่งร้ายถึงชีวิต

หารู้ไม่ว่าคนทำกลับมาอาบน้ำสบายใจเฉิบอยู่ที่ฟาร์มศุภโชค สั่งให้

นายปองเอาหนูนาที่ดักได้ในไร่มาทำเมนูแกล้มเหล้าคืนนั้น และยังดูอารมณ์ดีผิดปกติเสียด้วย

ส่วนคุณครูสาวกว่าจะกลับมาจากสถานีตำรวจก็มืดค่ำ พอจะมาเก็บเสื้อผ้าที่ตากทิ้งไว้หลังบ้านก็ต้องตกใจเมื่อกางเกงในและเสื้อชั้นในหายไปทั้งราว

“หายไปไหนเนี่ย”

อารยาทั้งตกใจและหวาดกลัว เธอมั่นใจว่าจะต้องเป็นโรคจิตมาขโมยไปทำมิดีมิร้ายแน่นอน ตั้งแต่ไหนแต่ไรไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นไม่ว่าจะกับเธอหรือในละแวกนี้

คืนนั้นอารยาต้องกลับไปที่โรงพักอีกรอบแล้วก็ขนเสื้อผ้าไปนอนที่บ้านประกายแก้ว คิดว่าจะไม่กลับไปจนกว่าจะจับ

คนร้ายได้

ความรีบร้อนของลูกน้องอย่างนายปองทำให้ปราปต์ที่กำลังจะออกไปดูอาการแม่มะลิ แม่โคที่กำลังตกลูกเมื่อคืนอดถามไม่ได้ว่าจะไปไหน

“ผมจะไปดูหน้าไอ้คนโรคจิตน่ะนาย”

ปองเบรกมอเตอร์ไซค์แล้วใช้เท้าสองค้างค้ำไว้ขณะที่ตอบเจ้านาย ปราปต์นิ่วหน้าสงสัย

“มีเรื่องไรวะ”

“นี่นายยังไม่รู้หรือว่าคืนก่อนครูอ้อนโดนลักกางเกงใน วันนี้ตำรวจเพิ่งจับคนร้ายได้ เห็นว่าเป็นคนงานต่างจังหวัดที่เมากาวแล้วเกิดอารมณ์น่ะ ชาวบ้านเขาว่ากันว่าทีแรกมันจะเข้าไปปล้ำครู แต่คืนนั้นครูออกไปข้างนอกมันเลยเอา กกน. ครูไปแทน”

ปราปต์รู้สึกเหมือนถูกแช่แข็งทั้งตัว ถ้าคืนนั้นอารยาอยู่ที่บ้านป่านนี้เธอจะมีสภาพเป็นอย่างไร

แล้วนี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วทำไมเขาเพิ่งรู้ ไม่ว่าจะเป็นประกายแก้วหรือว่าเมธาก็ไม่ปริปากบอกเขาสักคน ชาวบ้านทั้งตำบลรู้แต่มีเขาคนเดียวที่ไม่รู้

“บ้าเอ๊ย !”

จู่ ๆ ปราปต์ก็สบถเสียงดังแล้วเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในบ้านเสียอย่างนั้น ปองชินเสียแล้วเพราะปกติเจ้านายก็อารมณ์ขึ้น ๆ

ลง ๆ แบบนี้แต่ก็ไม่เคยทำร้ายใครออกจะปากร้ายใจดีด้วยซ้ำ

เตียงนอนบ้านประกายแก้วทำให้อารยาปวดหลังเป็นอย่างมาก ดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับตัวคนร้ายได้เมื่อตอนกลางวันไม่อย่างนั้นเธอคงได้ค้างบ้านเพื่อนเป็นคืนที่สาม แต่กว่ากระบวนการจะเรียบร้อยก็ใช้เวลานานพอสมควร อีกทั้งยังต้องไปสอนคาบสุดท้ายเองเนื่องจากไม่มีครูคนไหนว่างคาบนั้นเลยทำให้อารยากลับมาถึงบ้านในสภาพอิดโรยพลางคิดว่าไข้อาจจะกลับ

แต่แล้วเธอก็ตกใจยิ่งกว่าเห็นโจรเพราะเปิดประตูเข้าไปก็เจอปราปต์นอนเอกเขนกตรงโซฟา

หลายความรู้สึกประเดประดังเข้าใส่หัวใจของอารยา เธอดีใจที่เห็นหน้าเขา ใจหนึ่งก็อยากวิ่งหนีไปให้ไกลแต่คงไม่ขาดสติขนาดนั้นเพราะนี่บ้านตัวเอง คนที่ควรไปคือปราปต์ต่างหาก

“คุณเข้ามาในบ้านฉันได้ยังไงคะ”

ปราปต์พรวดลุกขึ้นแล้วนิ่วหน้ามองเธอเพราะสรรพนามที่อารยาเรียกตน ตั้งแต่จำความได้เธอจะเรียกเขาว่าปราปต์เสมอ

“ทำกระแดะเรียกคง ๆ คุณ ๆ”

“ก็คนแปลกหน้าไม่เคยรู้จักกันมาก่อนจะให้แทนว่าอะไรล่ะคะ”

“คนแปลกหน้าเขาไม่ทำอะไรกันแบบวันนั้นหรอกนะ”

อารยาตาโตกับคำพูดของเขา ปราปต์จะพูดขึ้นมาให้มันได้อะไร เขาเองก็ไม่อยากจำอยู่แล้วไม่ใช่หรือ

“One Night Stand ก็มีเยอะไป”

“แรด!”

“แล้วไง ไม่ได้แรดกับคุณซะหน่อย”

“อย่ากวนตีนนะครู”

อยากตบปากเขานัก แต่ไม่คิดเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือเลยเชิดแล้วเดินเข้าบ้านโดยไม่สนใจเขา แต่คนตัวใหญ่กลับดึงเข้าไปกอดไว้ทั้งตัว

“คุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”

“คำก็คุณสองคำก็คุณ เตือนความจำหน่อยเป็นไง”

สิ้นเสียงเขาก็จับปลายคางของเธอให้อยู่นิ่งแล้วบดจูบปากบางอย่างร้อนแรง อารยาผลักเขาออก โกรธและโมโหจนปากสั่น แต่ยังไม่ทันจะได้ต่อว่าปราปต์ก็จูบอีก จูบเอา ๆ จนอารยาแทบจะหายใจไม่ออก

“ยังจะบอกว่าเป็นคนแปลกหน้าอยู่ไหม?”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป